“UNPLUGGED CODING” โมเดลทักษะแห่งอนาคต สำหรับเด็กปฐมวัย

Unplugged คือการเรียน Coding โดยไม่ใช้คอมพิวเตอร์ (ในบางครั้ง) เน้นเรียนแบบทำกิจกรรมผ่านรูปแบบการเล่นเกมส์ เป็นต้น เด็กๆในวัยก่อน 6 ขวบ จะได้เรียนรู้จากการคิดและลงมือทำอย่ามีลำดับขั้นตอน

ไม่เพียงแค่ทักษะ Coding อย่างเดียวที่เด็กๆจะได้จากการทำกิจกรรม Unplugged แต่ยังได้ในเรื่อง Algorithm (กระบวนการแก้ปัญหาที่สามารถเข้าใจได้ มีลำดับหรือวิธีการในการแก้ไขปัญหาใดปัญหาหนึ่งอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและชัดเจน) และที่สำคัญกิจกรรม Unplugged Coding ยังช่วยให้ครูและเด็กๆเกิดความสนิทสนมกันมากขึ้น เปรียบเสมือนกับการเปิดใจก่อนเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน และด้วยเหตุผลที่ว่า เด็กๆ Alpha Generation เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกเพรียบพร้อมรอบตัว มีเครื่องมือต่าง ๆ ที่ถูกนำมาใช้ช่วยแก้ปัญหาแทบจะทุกอย่าง จนในบางครั้งอาจทำให้เด็ก ๆ หลงลืมการแก้ปัญหาด้วยตัวเองไปได้

ทิศทางการจัดการศึกษาของ โรงเรียนปลูกปัญญา นครราชสีมา จึงเล็งเห็นคุณสมบัติสำคัญที่เด็กควรจะพัฒนาในยุคนี้ อย่างน้อย เด็กๆจะต้องช่างสังเกต และมีความคิดสร้างสรรค์ รู้จักการฝึกทักษะการคิดแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รู้จักแยกย่อยปัญหา และแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ได้ฝึกกระบวนการคิดที่ช่วยพัฒนาให้เด็กคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล ฝึกการทำงานอย่างมีกระบวนการเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมทักษะสมอง EF และ Soft Skills ของเด็กๆ อันจะนำไปสู่การประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

โดยคุณครูผู้สอน ที่มีความใกล้ชิดและรู้จักกับเด็ก ๆ เป็นอย่างดี จะใช้การจำลองสถานการณ์ที่สามารถเชื่อมโยงให้เด็ก ๆ มีอารมณ์ร่วมไปกับกิจกรรม ยิ่งเป็นเรื่องที่เด็กกำลังสนใจได้ยิ่งดี ตัวคุณครูเองก็มีหน้าที่เป็นเครื่องมือสื่อสาร ให้เด็ก ๆ เกิดทักษะด้าน Coding โดยการใช้ บัตรคำสั่ง สัญลักษณ์ วิธีการเรียงลำดับ หรือ สื่อออนไลน์เสริมการเรียนรู้ ในที่สุดแล้ว หลักฐานที่บ่งบอกว่าเด็ก ๆ ได้ถ่ายทอดกระบวนการทางความคิดอย่างมีลำดับขั้นตอน อาจจะเป็นการตั้งคำถาม การตอบคำถาม หรือการแบ่งปันความคิดเห็นกับเพื่อน ๆ ในชั้นเรียนก็ได้

อีกเหตุผลสำคัญของการผลักดันให้กิจกรรม Unplugged Coding เข้ามาในเป็นส่วนนึงในการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ปฐมวัย คือ ปัจจุบันเด็กขาดทักษะการแก้ปัญหา และทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน แต่เมื่อเด็กๆได้รู้จักกับ Coding เด็ก ๆ จะสามารถดีลกับปัญหาได้ เพราะเขาจะรู้ว่าอะไรคือสาเหตุ และจะค่อยๆหาวิธีแก้ ซึ่งประยุกต์ใช้กับชีวิตเขาได้ ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร เขาจะตั้งสติ แล้วการที่เขาเจอปัญหาตั้งแต่เด็ก ๆ จะทำให้เขารู้สึกว่าทุกปัญหาแก้ได้ ทำให้เขาแข็งแรงขึ้นทางจิตใจ มี mindset ว่าปัญหาคือสิ่งที่ต้องหาวิธีแก้ และนั่นถือเป็น “Growth Mindset” ที่ช่วยสนับสนุนการสร้างพื้นฐานททางความคิดให้เข้มแข็ง ให้เด็กพร้อมต่อยอดไปได้ในทุก ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยหรือไปทำอะไรก็ตามในอนาคต

Scroll to Top