แน่นอนว่าจากการเจริญทางด้านเทคโนโลยีการสื่อสารดังกล่าวที่ไวรวดเร็วตลอด 10 ปี 20 ปี ที่ผ่านมา ส่งผลให้การรับรู้ข้อมูลข่าวสาร การติดต่อพูดคุย สะดวกมากยิ่งขึ้นเรียกว่าต่อให้ตัวจะอยู่ไกลห่างกันข้ามพรมแดน ข้ามทวีป ก็สามารถ Connect เชื่อมต่อ World wide หากันได้ทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง ขอเพียงมี Internet เท่านั้นไม่ว่าจะดูกีฬาสุดโปรด วงดนตรีที่ชื่นชอบ หรืออยากจะชอปปิ้งออนไลน์ ก็ทำได้ง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว
เรียกว่าความเจริญด้านไอที รุดหน้าไปมากและไวจริงๆ ยิ่งการเข้ามาของ AI ปัญญาประดิษฐ์ โปรแกรม Coding ต่างๆ ด้วยแล้วก็ยิ่งต้องทำให้คนรุ่นใหม่ หรือทุกคนต้องปรับตัวในทุกด้าน มากไปกว่านั้นสิ่งที่ Education in 2030 – HolonIQ ที่ได้มีการรวบรวมข้อมูลจากหลายหน่วยงานทั่วโลกจากหลายภาคส่วนทั้งภาคธุรกิจ, เศรษฐกิจ ชีวิตและสังคม รายงานวิจัยออกมาเกี่ยวกับ 5 เทรนด์อนาคตด้านการศึกษา School For The Future ยิ่งทำให้ต้องตระหนัก เพื่อให้ก้าวทันโลก หากไม่อยากตกขบวนหรือ Out เทรนด์ ในทศวรรษ 2030
5 แนวทางอนาคตการศึกษา 2030
Education as Usual : ในปัจจุบัน และอนาคตหลายๆประเทศทั่วโลกเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ทำให้อาชีพที่ไม่เพียงแต่เรื่องการใช้แรงงาน หรือด้านบุคลากรอาชีพด้านอื่นๆ ก็เริ่มเสื่อมถอยสมรรถภาพลงไปด้วย จนทำให้ปัญหาแรงงานขาดแคลน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การพัฒนาทักษะ เรียนรู้วิชาชีพใหม่ๆ หรือ Reskill ในทุกเพศทุกวัย ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น เพื่อโอกาสในการหารายได้เพิ่ม หรือเปลี่ยนสายงาน เป็นต้น
Regional Rising : ความเหลื่อมล้ำการศึกษาจะลดลง โดยอนาคตด้านการศึกษาจากนี้ในยุคทศวรรษใหม่ จะเกิดความร่วมมือด้านการศึกษาจากความร่วมมือของสถาบันการศึกษาหลายๆ ประเทศที่จะมีการแบ่งปันหลักสูตรบูรณาการการเรียน การสอน เพื่อความเท่าเทียมด้านความรู้ให้กับนักเรียนได้ในทั่วทุกมุมโลก ซึ่งจากเทรนด์การศึกษานี้ไม่เพียงแต่บุคลากรครูเท่านั้น ยังรวมถึงการแลกเปลี่ยนนักเรียน และคนทำงาน ด้วยเช่นกัน
Global Giants : ด้วยเทคโนโลยีความเร็วของ Interntet ในปัจจุบันหรือในบางประเทศ ที่มีความเร็วสัญญาณเน็ตดุจปานความไวแสง รวมถึงผู้คนในยุคปัจจุบันและเด็กเจนใหม่มีการใช้การรับ- ส่ง ติดตามข่าวสาร หรือดูทีวีผ่านระบบออนไลน์ และแอปพลิเคชัน บนอุปกรณ์สมาร์ทโฟน ทำให้หลายๆหน่วยงานบริษัทเทคโนโลยี และบริษัทกลุ่มสตาร์ทอัพ เริ่มมีการพัฒนาเทคโนโลยีแข่งขันกันเพื่อให้ผู้ใช้ได้มีทางเลือกในการติดตามข้อมูล ซึ่งคาดว่าจะทำให้ตลาดธุรกิจ และด้านการศึกษา เติบโตในหลายๆประเทศในปี 2030 จะมีการลุงทุนมูลค่าสูงถึงหลาย 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว
Peer to Peer : ยิ่งโลกก้าวสู่อนาคตมากเท่าใด เทคโนโลยีก็ยิ่งล้อไปกับการเติบโตพัฒนาคู่ขนานกันมากเท่านั้น โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา ความก้าวหน้าของ Internet ทำให้การเรียนการสอนจะยิ่งเข้าถึงง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะต่อไปนี้ครู และนักเรียน ไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนเป็นคลาสเป็นชั้นแบบยุค 10 ปี ก่อนหรือ 20 ปีก่อนอีกต่อไป เนื่องจากการเรียนจะยกระดับพัฒนาเป็นการเรียนแบบ 1 – 1 คาดว่าจะได้รับความนิยมอย่างมากทั้งการเรียนรู้ตอลดชีวิต ของกลุ่มนคนวัยทำงาน ที่หวังอยากจะพัฒนาทักษะสายงานเพิ่มศักยภาพต่อยอดยกระดับการทำงานมากขึ้น ก็สามารถเชื่อมต่อการเรียนรู้แนวทางเทรนด์การศึกษา Peer to Peer นี้ได้เช่นกัน ผ่านหลักสูตรการเรียนแบบ Short Cut สำเร็จรูป เก็บสะสมหน่วยกิตทำงาน ได้ทางสมาร์ทโฟน หรือแบบออนไลน์ทั่วโลก
Robo Revolution : แม้การเข้ามาของ AI หุ่นยนต์ประดิษฐ์ จะสร้างความสะพรึงและผลกระทบให้กับคนทำงานก็จริง เพราะคงยากจะเลี่ยงในแง่ของแรงงานที่เสี่ยงจะได้รับผลกระทบจากหุ่นยนต์ ที่สามรถทำงานแทนคนได้ในภาคอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตามนั่นเป็นแง่ของการใช้ทักษะแต่กลับกันการมาของ AI ก็สร้างโอกาสให้คนทำงานยุคใหม่ได้ด้วยการเรียนรู้ เพราะสิ่งที่ AI เรื่องความคิดสร้างสรรค์ และความสัมพันธ์ยังเป็นเรื่องซับซ้อนที่ AI หุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ อาจทำได้ไม่เทียมเท่าปัญญามนุษย์แท้ๆ
ซึ่งแน่นอนว่าการ Re Skill การเรียนรู้ทักษะการทำงานใหม่ๆ เพิ่มเติมเรียนรู้ด้านครีเอทีฟ จึงเป็นเรื่องจำเป็นและสำคัญในโลกอนาคต ขณะที่ด้านการศึกษา ยุค AI ครองโลก ครูจะเปลี่ยนจากศูนย์กลางการสอนเปลี่ยนมาให้คำแนะนำนักเรียนแทน ด้วยการนำ AI มาผสมผสานความใส่ใจควบคู่ไปกับระบบอัตโนมัติ ระหว่างครู และนักเรียน และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เลือกเรียนตามความชอบความสนใจ ของนักเรียนแต่ละคน