
FAQs
เกี่ยวกับโรงเรียนปลูกปัญญา

Q: รับสมัครเด็กตั้งแต่อายุกี่ขวบ
A: โรงเรียนปลูกปัญญา รับสมัครนักเรียนที่มีอายุตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไป โดยตัดเกณฑ์ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม ค่ะ ทั้งนี้ภาคเรียนที่ 2 (เริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2561) ทางโรงเรียนได้เปิดรับสมัครเด็กๆ เพิ่มเติมค่ะ
สำหรับ 1 ปีการศึกษา มี 2 ภาคเรียน ภาคเรียนที่ 1 ช่วงเดือน พ.ค.-ก.ย. / ภาคเรียนที่ 2 ช่วงเดือน พ.ย.-มี.ค. ค่ะ
หากคุณแม่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือต้องการติดต่อเข้าเยี่ยมชมโรงเรียน สามารถติดต่อได้ที่หมายเลข 044 927 111-5 ในช่วงวันและเวลาราชการ ค่ะ
Q: อยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมในการเรียน
A: ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณที่ได้ให้ความสนใจสอบถามข้อมูลโรงเรียนปลูกปัญญา
เบื้องต้นข้อมูลอัตรค่าธรรมเนียมมีดังนี้ค่ะ

Intensive English Programme
ระดับชั้นเตรียมอนุบาล-อนุบาล 3 ค่าใช้จ่ายภาคเรียนละ 40,000 บาท
ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 ค่าใช้จ่ายภาคเรียนละ 44,000 บาท
ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ค่าใช้จ่ายภาคเรียนละ 47,000 บาท
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 ค่าใช้จ่ายภาคเรียนละ 48,000 บาท
และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ค่าใช้จ่ายภาคเรียนละ 52,000 บาท
นอกจากนี้จะมีค่าแรกเข้า 30,000 บาท

International Programme
ระดับชั้นอนุบาล 1 มีค่าใช้จ่ายภาคเรียนละ 68,000 บาท
ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 มีค่าใช้จ่ายภาคเรียนละ 95,000 บาท
ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 มีค่าใช้จ่ายภาคเรียนละ 98,000 บาท
และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 มีค่าใช้จ่ายภาคเรียนละ 105,000 บาท
นอกจากนี้จะมีค่าแรกเข้า 50,000 บาท
Q : ความแตกต่าง ของ 2 โปรแกรมข้างต้น เป็นอย่างไร
A: ความแตกต่างของ Intensive English Programme และ International Programme มีดังนี้
- Intensive English Programme : จำนวนนักเรียน 24 คน/ห้อง, คุณครูประจำชั้นเป็นคุณครูไทย ใช้ภาษาต่างประเทศ 10 คาบเรียน / สัปดาห์
- International Programme : จำนวนนักเรียน 10-15 คน/ห้อง, คุณครูประจำชั้นเป็นคุณครูชาวต่างชาติและมี co-Thai teacher อีก 1 ท่าน จัดการเรียนการสอนด้วยหลักสูตร Cambridge ซึ่งปลูกปัญญาได้รับการรับรองจาก Cambridge ในรายวิชา Math, Science & English, ใช้ภาษาต่างประเทศ 21 คาบเรียน/สัปดาห์ และใช้หลักสูตรนานาชาติจากประเทศอังกฤษในการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาอื่นๆ ทั้ง International Early Years Curriculum (IEYC) / International Primary Curriculum (IPC) และ International Middle Years Curriculum (IMYC)
Q: Intensive English Programme ต่างจาก EP ที่อื่นไหม?
A: “แตกต่าง” เพราะ โปรแกรม EP เป็นการนำเอาหลักสูตรแกนกลาง มาเปลี่ยนภาษาที่ใช้ในการสอน (ภาษาอังกฤษ) แต่ Intensive English Programme ของเรา มีการบูรณาการภาษาอังกฤษ หรือ EIL (English Integrated Learning) เข้าร่วมกับหลักสูตรแกนกลางฯ
- ระดับประถมต้น เด็กๆ จะได้เรียนวิชา English Time ซึ่งเนื้อหาสาระจะเป็นการเรียนเกี่ยวกับการฟัง พูด อ่าน เขียน และการสนทนาในชีวิตประจำวันควบคู่กับหลักGrammar, Science, Math คณิตศาสตร์ภาษาอังกฤษ
- ระดับประถมปลาย ทางโรงเรียนใช้การเรียนการสอนแบบบูรณาการหลักสูตรนานาชาติ ด้วยการใช้หลักสูตร IPC (International Primary Curriculum) และระดับ
- ระดับมัธยมศึกษา เราบูรณาการหลักสูตรนานาชาติด้วยการใช้หลักสูตร IMYC (International Middle Years Curriculum) และ IGCSE จากประเทศอังกฤษ เข้ามาจัดการเรียนการสอน เพื่อให้เด็กนักเรียนได้รับการศึกษาที่ได้มาตรฐานสากล
Q: ปลูกปัญญา มีวิธีการสอนแบบไหน?
A: เรามีความเชื่อที่สุดว่า เด็กแต่ละคนมีความเฉพาะที่ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นวิธีการสอนเด็กๆ ก็ต้องแตกต่างกัน เราจึงได้นำเอาทฤษฎีพหุปัญญา “MI” Theory of Multiple Intelligences มาประยุกต์ใช้ เด็กๆจะได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นเอกลักษณ์ และศักยภาพเฉพาะด้านของแต่ละคน
- ในระดับอนุบาล เราเน้น “เตรียมความพร้อม” ฝึก Life Skills, เน้นพัฒนาการตามช่วงวัย (ร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา), และเน้น Sensory Integration
- ในระดับประถม เราเน้น “บูรณาการ” ผสมผสานการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย ความรู้เชิงวิชาการได้จากการลงมือปฏิบัติและทดลอง (ไม่ได้เน้นท่องจำเพื่อนำไปสอบเท่านั้น)
- ในระดับมัธยม เราเน้น ให้นักเรียนได้ค้นหาตัวตน ผ่านการทำ Project และการทดลองฝึกงานกับองค์กรภายนอก
Q: ปลูกปัญญา เหมาะกับเด็กแบบไหน?
A: ปลูกปัญญา “เหมาะกับเด็กทุกคน-ทุกแบบ” เพราะเราให้ความสำคัญกับการยอมรับในความแตกต่าง และคุณลักษณะของเด็กๆ แต่ละคนที่มีความหลากหลาย คุณครูทุกคนที่นี่ให้ความสำคัญกับนักเรียนทุกคน เพราะฉนั้น เด็กๆ ที่นี่ จะไม่รู้สึกว่า เขาเป็น Nobody และไม่ว่าเด็กทุกคนจะมีความแตกต่าง และ หลากหลายมากน้อยเพียงใด คุณครูทุกคนที่นี่ก็จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง “No one left behind”
เราอยากให้ผู้ปกครอง ทำความเข้าใจและยอมรับ ในความแตกต่างในการเรียนรู้ของเด็กๆ แต่ละคน ว่าเด็กๆ จะให้ความสำคัญในการเรียนรู้ (ไม่ว่าจะด้านวิชาการ หรือ อื่นๆ) ด้วยกัน 3 แบบ คือ 1. เด็กที่เรียนรู้เพื่อเอาตัวรอด 2. เด็กที่เรียนรู้ตาม Norm ของประเทศ คือ เรียนเพื่อไปสอบเรียนต่อ หรือเรียนรู้เพื่อนำไปประกอบอาชีพ และ 3. เด็กที่เรียนรู้เพื่อนำไปต่อยอดสร้างนวัตกรรม (Innovator)
Q: ครูต่างชาติ ที่โรงเรียน มีชาติใดบ้าง มีใบประกอบวิชาชีพทุกคนหรือไม่?
A: ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย บริติช แอฟริกาใต้ และอินเดีย
ทุกคนมีใบอนุญาติทำงาน และใบอนุญาตสอนถูกต้อง คุณครูของเราหลายๆ ท่านจบ Education มาโดยตรง มีใบประกอบวิชาชีพครูมาจากประเทศตนเอง ส่วนคนที่ไม่ได้จบครูมาโดยตรงเราก็คัดเลือกที่จบสายวิชาที่ตรงหรือใกล้เคียงวิชาที่สอนมากที่สุด หรือคนที่มีประสบการณ์การสอนในรายวิชานั้นมาหลายปี
Q : ปลูกปัญญา แตกต่างจากโรงเรียนอื่น อย่างไร?
A: ปลูกปัญญา มีวิถี หรือ “CULTURE” ที่มีความโดดเด่น “Norm” ของโรงเรียนเราชัดเจนและเป็นรูปธรรมมาก เรามีวิธีปลูกฝังให้เด็กๆ ของเรา…
- มีความอ่อนน้อมถ่อมตน เด็กๆ ที่นี่ให้ความสำคัญกับการไหว้
- มีกาละเทศะ มีพฤติกรรมเชิงบวก และเลือกตัดสินใจในทางที่สร้างสรรค์ต่อตนเองและสังคม
- มีความมั่นใจ กล้าแสดงความคิดเห็น กล้าตั้งคำถาม และกล้าตอบคำถาม
- มีความชัดเจนในความถนัด และความชอบของตนเอง และกล้าที่จะนำเสนอ
- Character เฉพาะของเด็กปลูกปัญญา คือ “ACTIVE” เราปลูกฝังให้เด็กๆ มีส่วนผสมของคุณลักษณะต่างๆ ในตัวบุคคล ได้แก่
A : Accountability มีความรับผิดชอบ
C : Collaboration ทำงานเป็นทีม
T : Thinker เป็นนักคิด
I : Integrity มีความซื่อสัตย์
V : Visionary Leadership เป็นผู้นำ
E : Enquirer เป็นผู้ใฝ่รู้
Q: เรียนจบจากปลูกปัญญา แล้วเด็ก ๆ จะไปเรียนต่อในโรงเรียนรูปแบบไหนได้บ้าง?
A: “เด็กนักเรียนของเราสามารถไปเรียนต่อได้ทุกโรงเรียน” เพราะเนื้อหาวิชาการต่างๆ ของโรงเรียนเรา “ไม่แตกต่างจากโรงเรียนอื่น” เราใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงฯ เพียงแต่โรงเรียนปลูกปัญญาจัดให้มีการเรียนการสอนที่ “เน้นกระบวนการเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง ควบคู่ไปกับการเรียนวิชาการ”
องค์ความรู้นั้นไม่แตกต่าง แต่ที่แตกต่างคือ “อัตลักษณ์” ในตัวเด็กนักเรียนของโรงเรียนปลูกปัญญา ซึ่งจะเป็นเด็กที่มีความมั่นใจ กล้าแสดงความคิดเห็น และมีจินตนาการ แต่ก็สามารถเคารพกฎกติกาต่างๆ ตามระเบียบของสังคมได้เป็นอย่างดี
Q: เด็ก ๆ อนุบาล3 ที่เรียนปลูกปัญญา สามารถสอบแข่งขันเข้าเรียนต่อ ป.1 ในโรงเรียนที่เน้นวิชาการได้หรือไม่?
A: จากคำบอกเล่าของเพื่อนคุณครู ที่อยู่โรงเรียน”เน้นวิชาการ” เล่าว่า… “เด็กๆปลูกปัญญา สามารถผ่านการแข่งขันคัดเลือกเข้าเรียน ในโรงเรียนวิชาการชื่อดังนั้นๆได้ในระดับดีมาก” และเด็กๆปลูกปัญญา จะมีความโดดเด่น คือ บุคลิกภาพ และพฤติกรรมเชิงบวก มีความนอบน้อมที่น่ารักมากๆ
Q: เด็กเรียนจบ ม.6 จากที่ปลูกปัญญา ส่วนใหญ่ไปเรียนต่อที่ไหน?
A: เด็กที่จบจากปลูกปัญญาสามารถเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยแนวหน้าของเมืองไทย ทั้งรอบ Portfolio และ TCAS เช่น ม.ธรรมศาสตร์(อินเตอร์), มทส., ม.มหิดล(อินเตอร์), มศว., ม.ขอนแก่น, ม.เกษตรศาสตร์, จุฬาลงกรณ์ เป็นต้น
Q: ค่าเทอม รวมอะไรบ้าง?
A: ใน 1 ปีการศึกษา เราเรียน 2 เทอม ค่าใช้จ่ายใน 1 เทอม รวมถึง ค่าหนังสือ อุปกรณ์การเรียน อาหารกลางวัน อาหารว่าง ทัศนศึกษาภายในจังหวัด ประกันอุบัติเหตุ และ ตรวจสุขภาพประจำปี
คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องจ่ายอย่างอื่นเพิ่มเติม *ยกเว้นค่าชุดนักเรียน นอกจากนี้ทางโรงเรียนยังได้มีกิจกรรม After School และ Saturday Course ไว้รองรับตามความสนใจของนักเรียน ซึ่งในส่วนนี้ทางโรงเรียนไม่บังคับขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ปกครอง และหากไม่เรียนก็ไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อการเรียนในชั้นเรียนปกติทั้งสิ้น เนื่องจากวิชาส่วนใหญ่จะเน้นเป็นกิจกรรมเช่น Music, Art & Craft, Cooking, เทควันโด เป็นต้น
Q: จำนวนครู ต่อนักเรียนในห้อง?
A: โรงเรียนปลูกปัญญา รับนักเรียนไม่เกิน 24 คน/ห้อง โดยมีจำนวนคุณครูประจำชั้นในแต่ละระดับ ดังนี้
- ระดับเตรียมอนุบาลคุณครู 4 ท่าน
- ระดับชั้น อ.1 – ป.3 คุณครู 2 ท่าน
- ระดับชั้น ป.4 ขึ้นไป คุณครู 1 ท่าน
Q: ได้ยินมาว่า ที่ปลูกปัญญา “เรียนสบายๆ” ไม่เน้นวิชาการ จริงไหม?
A: อยากให้ผู้ปกครองมองว่า การเรียนสบายๆ มันคือกระบวนการที่เราปลูกฝัง ให้เด็กมีความรับผิดชอบส่วนบุคคล พ่อแม่ไม่รู้สึกเป็นกังวล หรือรู้สึกเป็นภาระในเรื่องการเรียนของลูก
กระบวนการเรียนรู้ที่เราปลูกฝังคือ เด็กๆทุกคนจะต้องเข้าใจในเนื้อหาสาระของวิชาที่เรียน ตั้งแต่อยู่ในชั้นเรียน คุณครูจะกระตุ้นให้เด็กๆ กล้าตั้งคำถามในสิ่งที่ไม่เข้าใจ รวมถึงมีวิธีการกระตุ้นให้เด็กๆ กล้าพูด กล้าแสดงออก เพื่อมั่นใจได้ว่า เด็กๆทุกคนในชั้นเรียน เข้าใจในเนื้อหาวิชานั้นๆอย่างแท้จริง
เด็กๆปลูกปัญญา จะมีวิธีการเรียนรู้และทำความเข้าใจเนื้อหาด้านวิชาการ ค่อนข้างแตกต่างจากโรงเรียนที่เน้นวิชาการ นั่นก็เพราะ เราเน้นในกระบวนการเรียนรู้ผ่านการสอนแบบบูรณาการ และเด็กๆจะได้ลงมือปฏิบัติจริงในกิจกรรมที่หลากหลาย
Muchos Gracias for your blog. Thanks Again. Really Great. Emlynn Montgomery Tonina
Your mode of telling the whole thing in this paragraph is truly good, every one can easily understand it, Thanks a lot. Marysa Cullin Noonan